วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Discovery Dream Design Destiny



Time Workshop

 


 Workshop 1 # ประสบการณ์ความสำเร็จในการใช้เวลา 

(เรียงตามลำดับรายชื่อ)


เรื่องที่ 1 หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ช่วง 3 เดือนที่เรียนจบมา รู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาไปอย่างว่างเปล่า ให้มันผ่านพ้น    ไป     วันๆ รู้สึกตัวเองไม่มีค่า เกิดความรู้สึกที่อยากทำงาน แต่ไม่อยากทำงานอยู่บ้าน เพราะไม่ได้ช่วยอะไรทางบ้านมากหนัก คืออยากหาเงินด้วยตัวเองมากกว่าที่จะกินเงินเดือนของพ่อแม่ และได้ไปสมัครงานบริษัท ได้รับหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่การเงินจ่าย 
คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่กิจวัตรประจำวัน จากเป็นคนตื่นสาย กลายเป็นคนตื่นเช้า
-        - ตื่น 6.30 น. ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ

-        -  ขับรถไปทำงานก่อน 7.30 น. ก่อนเข้างาน 8.00 น.

เริ่มทำงาน 3 เดือนแรก ต้องเรียนรู้งานจากหัวหน้า ต้องจดจำรายละเอียดทุกอย่าง ว่าตำแหน่งนี้มีหน้าที่อะไรบ้าง ช่วงเวลาในการทำงาน ต้องแบ่งเวลาในการทำงานเป็นช่วงเวลา เพื่อทำงานให้ทันเวลา โดยเริ่มจาก

-         - เวลา 8.00 น. ต้องดูยอดเงินในระบบของธนาคาร ทั้ง 5 ธนาคาร ว่ามีเงินพอในการที่จะจ่ายให้เจ้าหนี้มั้ย และเบิกเงินสดในการจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวันและอื่นๆ

-        - เวลา 9.00 น. ต้องทำชุดใบสำคัญจ่ายขึ้นระบบธนาคารของแต่ละธนาคาร ต้องทำให้ถูกต้อง และละเอียด ต้องทำเสร็จก่อนพักเที่ยงกินข้าว

-         - เวลา 13.00 น. เพื่อที่จะได้รับการอนุมัติจากกรรมการ ในการจ่ายเงิน ของแต่ละธนาคา
เวลาในการจ่ายเงินของธนาคารมีระบบเวลาในการตัดยอดเงินแต่ละธนาคารไม่เท่ากัน ต้องทำธนาคารที่ตัดยอดก่อนต้องได้รับอนุมัติจากกรรมการกรก่อน เพื่อที่จะจ่ายเจ้าหนี้ได้ทันเวลา ถ้าจ่ายช้า จะมีดอกเบี้ยและค่าปรับเพิ่มมากขึ้นจากเจ้าหนี้การค้า ทุกเวลามีค่ามาก ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดใน 1 วัน และจัดสรรเวลาได้เป็นอย่างดีมากขึ้น 

เรื่องที่ 2 เป็นช่วงเวลาตลอด 4 ปี ที่เรียน ปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งตอนเรียนในเทอม 1 ปี 1 มีกิจกรรมเยอะ ทำกิจกรรมมากมาย เลยทำให้การเรียนในขณะนั่นแย่ลง แต่ก็เลือกกิจกรรมที่เราชอบ เรารักในสิ่งนั่นพร้อมกับการเรียน ทำไปพร้อมๆกัน  โดยแบ่งเวลาช่วงที่ว่างจากการเรียนและหลังเลิกเรียน คือการทำตารางล่วงหน้าประจำวันว่าพุ่งนี้ในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง และสามารถจบการศึกษาพร้อมเพื่อนๆ และรับปริญญาพร้อมเพื่อนๆ ได้ เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก 

เรื่องที่ 3 ช่วงเวลาที่คิดว่ามีค่ามากที่สุด คือ ช่วงที่ไปฝึกงานตอนเรียน ปริญญาตรี ปี 3 ได้ไปฝึกงานที่ บริษัท ทรูคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ที่ศูนย์ใหญ่กรุงเทพมหานคร ในตอนนั้นมีเพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกัน 4 คน ได้ทำงานในแผนกเดียวกัน ตอนนั้นรู้สึกว่าเวลามีความสำคัญมาก เพราะ ได้ฝึกงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของแผนกคอลเซ็นเตอร์
ตอนเช้าต้องรีบตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปให้ทันก่อนที่พี่เลี้ยงและหัวหน้าแผนกจะมา ถ้าเราช้าคนเดียว เพื่อนคนอื่นๆ ก็จะสายไปด้วย ทำให้เพื่อนถูกบ่นและถ้าไปช้า การแก้ไขปัญหาของระบบคอมพิวเตอร์ของแผนกนั้นจะช้า จะทำให้คนที่ช่วยเราถูกหักจำนวนชั่วโมงการทำงานไปด้วย ดั้งนั่นจึงคิดว่าต้องรักษาเวลาเป็นอย่างดี ไม่ทำให้คนอื่นต้องรอหรือเดือดร้อน 

เรื่องที่ 4 เมื่อจบปริญญาตรี เป็นช่วงที่หางาน ช่วงเวลาในการทำงานเป็น sale ในช่วงทดลองงาน 3 เดือน ทุกวันต้องมาทำงานก่อน 8 โมงเช้า ต้องเข้าสำนักงาน ตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นอย่างต่ำ ต้องเข้าสำนักงานก่อน 15 นาที เพื่อวางแผนการทำงานว่าจะไปลงพื้นที่ไหน พอรู้พื้นที่ที่จะไปต้องหาเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าขายให้ใคร ทำแบบนี้จนขายได้ทะลุเป้าที่วางไว้ 
หลังจากช่วงผ่านโปร 3 เดือนแล้ว ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้า เมื่อเป็นหัวหน้าต้องมาเตรียมแผนให้ลูกน้องในทีมตั้งแต่ 6 โมงเช้า มีลูกน้องในทีมที่ต้องดูแล 9 คน ต้องเป็นตัวอย่างให้ลูกน้องเห็นว่าการเป็น sale ที่ดีต้องทำอย่างไร คือ เมื่อใน 1 วัน ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ทุกย่างก้าวที่ออกพื้นที่ไปต้องได้ยอดขายกลับมา เพื่อเป็นการเลี้ยงลูกน้องและตัวเอง จึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด
 
                                "มีเป้าหมาย มีการวางแผน มีความกระตือรือร้น"



Workshop 2 # ต้นแบบด้านเวลา



1. คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง

         

คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง เป็นคนรุ่นใหม่ จบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ มีความสำเร็จในธุรกิจส่วนตัว แต่เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งสูญเสียสามีด้วย แต่เธอก็สามารถเอาชนะมันได้ กลับกลายเป็นคนมีสติรู้ รู้ใจตนเอง มีอิสระ มีความสุข มีความปรารถนาอยากให้เพื่อนมนุษย์จำนวนมากที่จมอยู่ในกองทุกข์ได้มี "เข็มทิศ " เป็นเครื่องนำทาง โดย "ได้ทดลองปฏิบัติธรรมพบว่า ใจกับ ความเจ็บปวดแยกออกจากกันได้ เวลานั่งสมาธิเราปวดขา ความปวดแยกออกไปใจ ส่วนใจเราจะไม่เจ็บปวดจนกว่าเราเผลอสติอยากบังคับให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างใจเรา”  ทุกวันนี้ของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง เธอประกาศวางมือจากธุรกิจ ใช้ชีวิตกับ น้องทะเลลูกชายหนึ่งเดียวของเธอ หลังจากสามีเสียชีวิต
          เธอ ไม่เพียงแต่หยุดทำงานเฉยๆ แต่เธอได้ขายกิจการเวิร์คกิ้ง ไดมอนด์ และโรงเรียนแฮปปี้ คิดส์ มาเป็นคนเดินช้า เป็นคุณแม่ของลูก และเป็นวิทยากรบรรยายธรรมะสำหรับคนทำงานในองค์กรรัฐ เอกชน และสถานปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็น ครูอ้อยของเด็ก ๆ ในหลักสูตรปฏิบัติธรรม ธุรกิจ เวิร์คกิ้ง ไดมอนด์ และกิจการโรงเรียนแฮปปี้คิดส์ กำลังไปได้ดี แต่เธอก็ตัดสินใจขายทิ้งด้วยเหตุผลที่ว่าขอทำธุรกิจแบบพอเพียง มีเงินก้อนหนึ่งที่คิดว่ามากพอแก่การดำรงชีวิตและอยู่ได้สบาย ๆ ก็น่าจะใช้เวลาที่เหลือทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ เพราะเงินนั้นเป็นสิ่งจำเป็นช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกสบาย แต่เราสามารถจัดวิถีการทำงาน และการใช้ชีวิตที่จะช่วยให้เรามีความสุขโดยใช้เงินน้อย ๆ ก็ได้
          เธอ จัดพอร์ตชีวิต โดยมองว่า คนคนหนึ่งต้องการความสะดวกสบายระดับหนึ่ง แต่มากไปกว่านั้น คือ ความสุข... เพราะฉะนั้นเราต้องเริ่มมีความสุขตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ แต่ความสุขในที่นี้ คือ ความสุขประณีต สุขใจ สุขกาย ไม่ทุกข์ ตามหลักพุทธศาสนา ขณะ ที่คนส่วนใหญ่ แม้จะมีเงินและทรัพย์สมบัติมากมายนับแสนล้านแต่ก็รู้สึกว่ายังไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่ เปรียบเสมือนน้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากในใจของเราไม่เคยหยุด แก้วของเราจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยพอ แต่ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้วแล้วสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลง จนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้วก็จะล้นเกินอีกเท่าตัว เกินพอสำหรับเรา และพอที่จะแบ่งให้คนอื่น เมื่อน้ำเต็มแล้วเราก็จะไม่ต้องวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือให้ลูก ให้คนที่เรารักให้กับการพัฒนาจิตใจตัวเอง ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง ต้อง รู้จักพอเป็น มีแค่ไม่เดือดร้อนตลอดชีวิต และอ้อยมีลูกแค่คนเดียว แล้วลูกก็เป็นเด็กพอเพียง ชอบการปฏิบัติธรรมเหมือนกัน เราจึงไม่จำเป็นต้องวิ่งหาเงินไปเรื่อย ๆ
          เธอเชื่อว่ามีเงินแล้วอาจเจอทางตันต้องหาเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่มความเครียด เพิ่มภาระเบียดเบียนกระทบคนอื่นมากขึ้น คนที่มองว่าเงินเป็นเป้าหมายสูงสุด ความสุขทั้งหมดของชีวิตอยู่ที่เงิน พอหมดเงิน ก็หมดความสุขฐิตินาถ เชื่อเช่นนี้ ความเชื่อเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนทว่าเธอเองได้ปฏิบัติธรรมตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช มีเมตตาช่วยชี้นำทางหลังจากเธอได้ปฏิบัติธรรม ฐิตินาถเริ่มปฏิบัติธรรมหลังจากสามีเสียชีวิตกะทันหัน ทิ้งหนี้ไว้ให้เกือบ 100 ล้านบาท ตอนนั้นลูกอายุไม่ถึงขวบ ธุรกิจของเขา เธอเองก็ไม่เข้าใจ จะสานต่อก็คงยาก จะทำอย่างไรกับหนี้ก้อนโต รู้สึกเจ็บปวดจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จากนั้น ได้ทดลองปฏิบัติธรรม พบว่า ใจกับ ความเจ็บปวดแยก ออกจากกันได้ เวลานั่งสมาธิเราปวดขา ความปวดแยกออกไป ใจส่วนใจ ใจเราจะไม่เจ็บปวด จนกว่าเราเผลอสติ อยากบังคับให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปอย่างใจเรา การปฏิบัติธรรมช่วยเธอได้ เพราะเธอใช้เวลา 2 ปีครึ่ง สามารถใช้หนี้เกือบ 100 ล้านได้หมด โดยยึด หลักการตัดอวัยวะรักษาชีวิต และทุกข์ตรงไหนวางตรงนั้น หนักตรงไหนปล่อยตรงนั้น อะไรที่เรารักษาไว้ไม่ได้ก็ปล่อยมันไป อะไรที่เราเข้าใจก็ดูแลให้ดี 

ความประทับใจ
          ชื่นชอบในการบริหารจัดการด้านทัศนคติ ปรับเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนแนวทางในการใช้เวลาในการดำรงชีวิตให้มีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งวัตถุที่อยู่ไกลตัวเรา จนมองความสุขที่แท้จริงไม่เห็นว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ในตัวเราอยู่ที่ความคิดของเรา จัดการตัวเราให้ได้เวลาของความสุขก็จะมีมากขึ้น การดำรงชีวิตก็จะง่ายขึ้น







2. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก

 


          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ว่ามีพระจริยวัตรที่งดงาม และเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวภูฏาน
          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จากการที่ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจแก่พสกนิกรอย่างสูง ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารกิจการบริหารประเทศ เนื่องจากสมเด็จพระราชบิดาได้ทรงวางระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว แต่พระองค์เองก็ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 650,000 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ
พระราชประวัติ
          เสด็จพระราชสมภพเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระองค์เป็นพระราชโอรสใน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และ สมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก ซึ่งเป็นพระมเหสีองค์ที่สามในบรรดาพระมเหสีทั้งสี่พระองค์ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา ซึ่งมีพระนามว่า เจ้าหญิงอาชิ เดเชน ยังซัม และพระอนุชามีพระนามว่า เจ้าชาย ดาโช จิกมี ดอร์จิ วังชุก
          สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือ เจ้าชายจิกมี ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่พสกนิกรหลายพันคนที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ว่า
ข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใด” “สิ่งที่สำคัญสำหรับข้าพเจ้าคือความหวังและความมุ่งมาดปรารถนาของ ประชาชน และพระชนมายุอันยืนยาวและพระพลานามัยอันแข็งแรงสำหรับสมเด็จพระราชบิดา จิกมี ซิงเย วังชุก ของข้าพเจ้า” “ในโอกาสอันพิเศษยิ่งนี้ ขอให้ร่วมกันสวดมนต์และขออธิษฐานขอให้แสงตะวันเฉิดฉันแห่งความสุขจะสาดส่อง ลงมาที่ประเทศชาติของเราเสมอไป

ความประทับใจ
          ชื่นชอบในการวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน ไม่ถือตัว ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต โดยท่านได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเรานำมาใช้ และนำระบอบประชาธิปไตยมาปกครองประเทศภูฎานให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเรียบง่าย

3. ธุรกิจ 7-11

          ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2470 ที่เมืองดัลลัส (Dallas) มลรัฐเทกซัส (Texas) สหรัฐอเมริกา จุดกำเนิดของร้านค้าสะดวกซื้อชื่อดังแห่งนี้ก็เกิดขึ้น เริ่มจากนาย โจ ซี ทอมป์สัน (Joe C. Thompson) พนักงานโรงงานทำน้ำแข็ง บริษัท เซาท์แลนด์ ไอซ์ จำกัด (Southland IceCompany) มองเห็นว่า พนักงานโรงงานน้ำแข็งที่เข้ากะ ออกกะ จำนวนมากมายไม่มีที่ให้ซื้อของกิน ก็เลยเปิดร้านขาย ขนมปัง ไข่ไก่ แซนวิช ที่หน้าโรงงาน เปิดร้านขายตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม ขายดิบ ขายดี ขายทุกวันแบบไม่มีวันหยุด แถมราคาไม่แพง ลูกค้าติดมากมาย ก็เลยเพิ่มของใช้พวกสบู่ แชมพู อะไรต่อมิอะไรเข้าไปอีก ตอนนั้นใช้ชื่อร้านว่า "โทเทม สโตร์ (Tote'm Store)" ธุรกิจเติบโตได้ดี นายทอมสันป์สัน ก็เปิดสาขาเพิ่มไปเรื่อย ๆ
          จุดหักเหของธุรกิจจากร้านค้าปลีกเล็ก ๆ จนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต มีนายโจ ทอมป์สัน เป็นผู้คิดพัฒนารูปแบบร้านค้าสะดวกซื้อให้กลายเป็นธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์เต็มรูปแบบ เพียง 12 ปีหลังการก่อตั้ง ขยายร้านได้ถึง 60 สาขาทั่วดัลลัส รายได้และกำไรหลัก ๆ มาจากยอดขายสินค้าอื่น ๆ และจำนวนร้านที่ขยายเพิ่มมากขึ้น ปี พ.ศ. 2488 บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น "เซาธ์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น" ถัดมาอีก 1 ปี ในปี พ.ศ. 2549 ได้เปลี่ยนชื่อร้านค้าปลีกเป็น "Seven-Eleven (เซเว่น-อีเลฟเว่น)" ภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-11 เพื่อรองรับการขยายกิจการนี้ เนื่องจากต้องการสื่อถึงเวลาที่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07.00 - 23.00 น. ซึ่งก็คือ 07.00 am. - 11.00 pm. นั่นเอง
          ปี 2523 บริษัทของนาย ทอมสัน เจอปัญหาเงินหมุนเวียนไม่พอ และมีหนี้สินจำนวนมากมายจากการขยายสาขามากเกินไป จนถูกฟ้องล้มละลาย ในขณะนั้น "นายอิโต-โยคะโด (Ito-Yokado)" ชาวญี่ปุ่นได้เข้ามาช่วยโดยมาถือหุ้นบางส่วน ทำให้เซเว่น-อีเลฟเว่น ยังเดินธุรกิจต่อไปได้ แต่อีก 7 ปีถัดมาตลาดหุ้นตกต่ำ หนี้ของบริษัทก็ท่วมอีกรอบ รอบนี้นายจอห์น ทอมสัน ซึ่งเป็นลูกของนายโจ ผู้ก่อตั้ง เลยขายกิจการทั้งหมดยกให้ Ito-Yokado ไปทำต่อ เมื่อ Ito-Yokado เมื่อรับ เซเว่น-อีเลฟเว่น มาแล้วก็เลยเอามาปรับปรุงพัฒนารูปแบบธุรกิจ และขายแฟรนชายน์ จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกจนทุกวันนี้
          สำหรับ เซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศไทยนั้น เข้ามาในประเทศไทยปี 2531 โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี เห็นว่าธุรกิจนี้สอดคล้องกับสังคมของคนไทย เปิดร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น สาขาแรกในเมืองไทยตรงหัวมุมถนนพัฒน์พงษ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2532 จากนั้นก็เพิ่มสาขาเรื่อยมาจนปรากฏให้เห็นทั่วประเทศ ปัจจุบัน ปี 2554 มีร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น รวม 6,276 สาขา มากเป็นอันดับที่ 3 ในโลกรองจาก ญี่ปุ่น 13,718 สาขา และอเมริกา 7,283 สาขา
สินค้าหลากหลาย แบ่งตามกลุ่มได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
          1. กลุ่มอาหาร : อาหารประเภทอุ่นร้อนพร้อมทาน โดยมีการคิดเมนูอาหารใหม่ๆอยู่เสมอ , อาหารพร้อมทาน เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมขบเคี้ยว ของทานเล่น ช็อกโกแลต ลูกอม ไอศกรีม
          2. เครื่องดื่ม : เครื่องดื่มบรรจุขวด , เครื่องดื่มแบบเติม โดยมีทั้งแบบร้อนและแบบเย็น
          3. กลุ่มเครื่องใช้ : เครื่องใช้ส่วนตัว เช่น ยาสระผม แปรงสีฟัน สบู่ เจลล้างหน้า , เครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ
          4. กลุ่มอื่นๆ ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด         
ข้อดีของธุรกิจ 7-11
          - ธุรกิจ 7-11 มีการจัดระบบค้าปลีกแบบมืออาชีพ มีระบบโปรแกรม pos โดยเฉพาะของเซเวาน ช่วยจัดการบริหารสต๊อก ความถูกต้องต่างๆได้เป็นอย่างดี
          - มีการจัดอบรมพนักงานแบบเป็นระบบ เป็นมาตรฐาน ชนิดที่มีมหาวิทยาลัยผลิตบุคลากรด้านค้าปลีกโดยเฉพาะ
          - มีภาพลัษณ์ที่เข้มแข็ง
          - มีการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง
          - มีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ความประทับใจ
          ชื่นชอบในการเป็นธุรกิจ ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้ทุกเพศทุกวัย เพราะมีทั้งสินค้า และบริการที่ครบครัน บริการ 24 ชม. มีบริการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือบิลต่างได้ตลอด ทำให้คนที่ทำงานไม่มีเวลาช่วงเช้าที่เป็นเวลาราชการ หรือคนที่ทำงานเป็นกะ สามารถซื้อสินค้าและชำระต่างๆ เซเว่นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้บริการ

4. คุณตัน ภาสกรนที

          คุณตันเกิดในครอบครัวลูกคนจีนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีคุณพ่ออพยพมาจากเมืองจีน หอบเสื่อผืนหมอนใบเหมือนกันกับครอบครัวคนจีนหลายครอบครัว ที่ยากจน เริ่มต้นชีวิตจากศูนย์ จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่3 เริ่มต้นชีวิตทำงานด้วยวัย 17 ปี ด้วยความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ คุณตันค่อย ๆ เริ่มต้นชีวิตจากการทำงานแบกของ ส่งของ และอีกหลายๆอย่าง ตั้งแต่ ลวกบะหมี่ เลี้ยงไก่ ขายเฉาก๊วย เรื่อยมาจนเริ่มมีธุรกิจเป็นแผงลอยขายหนังสือพิมพ์เป็นของตัวเอง แม้จะหมดตัวตั้งแต่วันที่ยังไม่เปิดแผงวันแรกเพราะฝนตกทำให้หนังสือเปียกหมด แต่ด้วยความอดทน และขยันกว่าใคร คุณตันจะขายหนังสือมากกว่า และเปิดขายของมากกว่าร้านข้างๆ เป็น 2 เท่า เปิดขายตั้งแต่ตี 5 ถึง ตี 2 ทุกวัน สิ่งที่คุณตันทำเหมือนกับหลาย ๆ คน แต่สิ่งที่เค้าคิดกลับไม่เหมือนใคร เพราะการทำงานหลายๆ อย่างต่างเป็นประสบการณ์ในชีวิต ไม่เคยคิดว่าการทำงานมันเหนื่อย แต่กลับสนุกและมีความสุขในการทำงาน ไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานไปวันๆ
          ด้วยความที่รักในการทำงานและอยากเห็นผลงานที่ตัวเองทำอย่างดีที่สุด แม้ในการดูแลกิจการโออิชิแรก ๆ คุณตันก็ยังดูแลงานเบื้องหลังต่างๆ เพื่อให้การบริการลูกค้าได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเช็ดโต๊ะ ซ่อมก๊อกน้ำ หรือการล้างห้องน้ำเอง คุณตันก็จะลงมือทำเองโดยไม่ได้รังเกียจ แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ทำแล้ว แต่เค้าเองก็พร้อมที่จะทำงานเสมอ
          ในวันที่คุณตันขายหุ้นใหญ่ของบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน ) ให้กับบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ก่อนจะลาออกตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท มาตั้งบริษัทใหม่ คือ บริษัท ไม่ตัน จำกัด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553
          เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ ตันปัน เพื่อเป็น ศูนย์กลางการแบ่งปันด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อมพร้อมประกาศเจตนารมณ์ว่า เขาและภรรยาจะแบ่งกำไรของบริษัทที่ตั้งใหม่ 50 % มอบแก่มูลนิธิเป็นประจำทุกปี ไปจนกว่าเขาจะอายุ 60 ปี และหลังจากนั้น ส่วนแบ่งที่จะมอบให้มูลนิธิ จะเพิ่มเป็นมากกว่า 90 % คุณตันบอกว่า บริษัท ไม่ตัน จำกัด ที่ปัจจุบันประกอบธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว อิชิตัน นั้น ประกอบการเพื่อ ภารกิจมากกว่า ธุรกิจ”  ภารกิจที่ว่าคือ การจัดสรรค์เงินปันผลกำไรไปช่วยเหลือด้านการศึกษาของเด็กที่ขาดแคลนโอกาส เหมือนที่คุณตันเคยขาดแคลน รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
          จากการที่สื่อมวลชนได้เคยสัมภาษณ์คุณตันถึงความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ทำให้เห็นถึงความเป็นคนจริงใจ และจริงจังกับงาน ประกอบกับความเป็นผู้มีน้ำใจที่แสดงให้เห็นเมื่อขณะประสบอุทกภัยใหญ่เมื่อ 2554 ที่ผ่านมา ทำให้คุณตันเป็นผู้ใหญ่ที่หลายๆ คนต่างให้ความยอมรับนับถือ และเป็นที่รักของทุกๆ คน แม้การประกอบธุรกิจจะมีขึ้นบ้าง ลงบ้าง แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือความเป็นคุณตัน ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ ยังซื่อสัตย์ต่อธุรกิจจะไม่ยอมให้ของที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค แม้จะได้ยินชื่อเสียหายจากหลายๆที่ที่พยายามจะทำลายชื่อเสียงของคุณตันหลายๆ ครั้ง หลายๆ อย่าง แต่นั่นเป็นเพียงการทำลายที่ไม่อาจทำให้คนจริงอย่างคุณตันล้มได้อย่างแน่นอน จุดเริ่มต้นของคุณตัน คือจุดที่ใคร ๆ ก็เริ่มต้นได้
          ปัจจุบันคุณตันได้เปิด มูลนิธิตันปัน เพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม คุณตันเล่าว่า "ผมจะมุ่งมั่นที่จะสร้างบริษัท ไม่ตัน ให้เป็นธุรกิจเพื่อภารกิจของ มูลนิธิตันปัน และ เป้าหมายของผมนับจากนี้ ไม่ใช่การได้รับแต่เป็นการให้”“ความสุขของผมจะไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่ได้รับ
คำคมจากคุณตัน
- “ถ้าเก่งสู้เค้าไม่ได้ ทางเดียวที่จะทำได้ให้เท่ากับเขาหรือมากกว่า คือ ต้องทำให้มากกว่า 2-3 เท่าหรือมากกว่านั้น
- หาความรู้ด้วยการตั้ง คำถาม
- “ความสำเร็จและ ความล้มเหลวมีคุณค่าที่เหมือนกันอยู่ข้อหนึ่ง คือให้ประสบการณ์แก่ชีวิต ถ้าเรามัวแต่คิด ไม่ยอมลงมือทำ แม้แต่ประสบการณ์ความล้มเหลวก็ยังไม่มีเลย
- ถ้าเราคิดเสมอว่า เราทำได้พยายามกับทุกเรื่องให้ถึงที่สุดไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ โอกาสที่ ความสำเร็จจะเป็นของเราก็มีอยู่สูง

ความประทับใจ
          ชื่นชอบในการแนวความขยัน และการมีแนวความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆอยู่เสมอ กล้าที่จะทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น กล้าถามผู้รู้ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้และนำสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาตนเอง พัฒนาธุรกิจของตน ชอบในความไม่ถือตัว และเมื่อตนประสบความสำเร็จแล้วก็คิดที่จะแบ่งปันไปสู่คนอื่นๆต่อไปโดยการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม

"กล้าคิดเปลี่ยน มีความคิดสร้างสรรค์ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง"




Workshop 3 # Positive Deviance การค้นหาความต่างเชิงบวก






1. ธนาคารทหารไทย

          ธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารมีระบบให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินที่ดีและแตกต่างจากธนาคารอื่น เนื่องจากธนาคารทหารไทยมีบัตร ATM ที่ผู้ถือบัตรสามารถถอนเงินได้ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ไม่ว่าจะถอนเงินผ่าน ตู้ATM ต่างธนาคาร ต่างสาขา ต่างจังหวัด หรือการโอนเงินไปต่างสาขา หรือต่างธนาคารก็ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม จึงทำให้ธนาคารทหารไทยมีความแตกต่างเชิงบวกในการบริการลูกค้า


2. เครือข่ายโทรศัพท์ True

          การให้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์แต่ละเครือข่ายนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่การบริการของเครือข่ายทรูมีบริการที่สะดวกและรวดเร็วมากกว่าเครือข่ายโทรศัพท์ค่ายอื่น ไม่ว่าจะการบริการภายในช็อป หรือ Call Center เนื่องจากเมื่อลูกค้าสอบถามถึงปัญหาต่างๆก็จะมีการตอบสนองต่อการแก้ปัญหานั้น โดยสามารถชี้แจงให้ทราบถึงปัญหาและวิธีการในการแก้ไขได้ชัดเจน พร้อมทั้งมีการสนทนาที่เข้าใจง่าย


3. Mc Donald

          Mc Donald จากเดิมนั้นมีการเปิดบริการขายเฉพาะในห้างสรรพสินค้า แต่ปัจจุบันได้มีการบริการที่ดีและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นกว่าร้านอาหาร Fast Food อื่นๆ เนื่องจากได้มีการเปิดบริการนอกห้างสรรพสินค้า มีการเปิดบริการ 24 ชม. นอกจากนั้นยังมีการให้บริการในรูปแบบ Drive-thru ในบางสาขา โดยลูกค้าที่ต้องการจะซื้อสินค้าเพื่อนำกลับไปทานที่บ้าน ลูกค้าสามารถซื้อสินค้า ตั้งแต่สั่งอาหาร รอรับอาหาร ชำระเงินได้โดยที่ไม่ต้องลงจากรถ ทำให้ลูกค้าสามารถขับรถเข้าไปซื้อและรับสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว


4. ร้านสรวลหรรษา

          ร้านอาหารสรวลหรรษามีบริการที่ดีและแตกต่างจากร้านอื่นๆ เนื่องจากร้านอาหารอื่นๆเวลาที่ลูกค้าต้องการเรียกพนักงานเพื่อใช้บริการจะต้องใช่เสียงเรียก หรือยกมือเรียก ซึ่งถ้าไม่มีพนักงานอยู่บริเวณนั้นลูกค้าก็จะต้องรอเพื่อให้พนักงานเดินมาเพื่อสั่งอาหาร แต่ร้านสรวลหรรษาแตกต่างจากร้านอื่นๆ โดยที่โต๊ะอาหารจะมีปุ่มเพื่อเอาไว้กดเรียกพนักงาน เมื่อลูกค้ากดปุ่ม หมายเลขโต๊ะก็จะขึ้นที่บริเวรที่พนักงานสามารถมองเห็นได้พร้อมกับมีเสียงเตือนขึ้น ทำให้พนักงานสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง โดยที่ลูกค้าที่ไม่ต้องยกมือขึ้นหรือตะโกนเรียก ทำให้ประหยัดเวลา และให้บริการได้ดีกว่าร้านอื่นๆ



                             "บริการดี     รวดเร็ว     เอาใจใส่ความต้องการของลูกค้า"


                 Divergence ของกลุ่ม คือ คิดเปลี่ยน บริการดี มีความกระตือรือร้น


Workshop 4 # Dream ออกแบบความฝัน


ทั้ง 4 คน ลงทุนคนละ 10 ล้าน เพื่อทำธุรกิจบ้านจัดสรรครบวงจร โครงการหมู่บ้าน Smile ทั้ง 4 คนมีบ้านคนละหลังอยู่ในหมู่บ้าน ใกล้ๆกัน คนในหมู่บ้านรู้จักกันเป็นอย่างดี รู้จักกันทุกหลัง ได้ทำกิจกรรมร่วมกันภายในหมู่บ้าน เช่น ปาร์ตี้รำไทเกก เต้นลีลาศ มีคอนเสิร์ต เลี้ยงสังสรรค์กัน เพื่อความผูกพันมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้คนในหมู่บ้านใกล้ชิดกันมากขึ้น ตั้งแต่หน้าหมู่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ยิ้มให้อย่างมีความสุข คนในหมู่บ้านยิ้มแย้มแจ่มใส แบ่งปันของให้กัน บรรยากาศภายในหมู่บ้านอากาศบริสุทธิ์ ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ มีร้านกาแฟที่อร่อยที่สุดอยู่ในหมู่บ้าน มี car care ร้านอาหาร สวนสาธารณะ ครบครัน ทั้ง 4 คน นั่งจิบกาแฟ กินข้าวคุยกันยามเช้า มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น 


Workshop 5 # Design      


10 วัน

-          - ศีกษาข้อมูลแบบหมู่บ้านของโครงการต่าง ๆ

-          - เริ่มมองหาแหล่งเงินลงทุน

-          - หาทำเลที่ตั้งของโครงการ

-          - เริ่มวางแผนการจัดสรรตารางเวลาให้ชัดเจน


10 สัปดาห์

-          - วางแผนในการวางโครงสร้างหมู่บ้าน ในแบบต่างๆ ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้

-          - หาผู้รับเหมาก่อสร้าง วิศวกรคุมการก่อสร้าง คนงานก่อสร้าง

-          - มีสำนักงานขายของโครงการ  

-          - ลงเงินลงทุน


10 เดือน

-          - สามารถเลือกแบบบ้าน และสร้างหรือออกแบบบ้านเองได้

-          - เริ่มเปิดตัวโครงการ มีตัวอย่างแสดงบ้านที่สร้างเสร็จบางส่วน

-          - ควบคุมการก่อสร้าง ตกแต่งภายในให้ปลอดภัย และให้ได้รับมาตรฐาน

-          - วางระบบประปา ระบบไฟฟ้า ให้ครอบคลุม

-          - มีการประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ 


10 ปี

-          - เป็นหมู่บ้านที่มีลูกบ้านเต็มทุกหลัง ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของหมู่บ้านที่ออกแบบได้สวยที่สุด

-          - มีการระดมทุน เพื่อขยายเฟสเพิ่ม

-          - นำโครงการหมู่บ้านเข้าตลาดหลักทรัพย์

-          - มองหาตลาดใหม่ เพื่อขยายไปยังประเทศข้างเคียง 


     
     สมาชิก
     1. น.ส. ภรณ์ทิพย์         แซ่จึง             รหัส 565740160-1

     2. น.ส.จริญญารัตน์       กลางประพันธุ์  รหัส 565740174-0

     3. นายทศวรรษ           นฤนาทวัฒนา   รหัส 565740185-5

     4. น.ส.นันทฉัตร           รื่นอายุ           รหัส 565740193-6
                           MBA Y#15 Sec.1






 


 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น